วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กระทงสองมุมท้องแบน
วิธีห่อกระทงสองมุมท้องแบน
1. ตัดใบตองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 4 x 7 นิ้ว 2 ชิ้น หรือขนาดตามต้องการ
2. มือขวาจับมุมขวาเข้าไป
3.มือซ้ายจับมุมซ้ายเข้าไป
             4.จับให้ตรงกลางเป็นมุมแหลม
             5.กลัดไม้กลัดขึ้นไป
             6.ทำเช่นเดียวกันทั้ง 2 ข้าง
                     7.ใส่ขนมกาละแมลงไป


กระทงสองมุม
วิธีห่อกระทงสองมุม
    1. ตัดใบตองรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 4 x 7 นิ้ว หรือขนาดตามต้องการ 2 ชิ่น วางสลับทางกัน
    2. จับมุม กลัดด้วยไม้กลัด
    3. จับมุมอีกมุมหนึ่งเช่นเดียวกัน
    4. ถ้าทำกระทงดุนก้น ก็ดันมุมด้านล่างขึ้นทั้ง 2 มุมกระทงจะตั้งได้
    5. ใส่ขนมลงไป
กระทงมุมเดียว
วิธีห่อกระทงมุมเดียว นิยมใส่ผัก ผลไม้ เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น พริกขี้หนู ดอกขจร
    1. ตัดใบตองเป็นวงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ่ว หรือตามต้องการ
    2. ประกบด้านนวลเข้าหากัน วางสลับทางกัน
    3. จับมุม กลัดไม้กลัด
    4. ใช้นิ้วดุนก้นขึ้นมา จับให้กลม
    5. ใส่ขนมลงไป
การห่อทรงเตี้ย
วิธีห่อทรงเตี้ย เรามักจะพบเห็นอยู่บ่อย ๆ เวลาห่อขนมขาย เช่น ห่อข้าวเหนียว ขนมเปียกปูน   ห่อกาละแมเสวย  
    1. ตัดใบตองเป็นรูปรี หัวท้ายแหลม ขนาดตามต้องการ 2 ชิ้น วางซ้อนกัน ชิ้นนอกใหญ่ ชิ้นเล็กอยู่ด้านบน ประกบด้านนวลเข้าหากัน
    2. วางขนมขนาดตามต้องการลงตรงกึ่งกลางใบตอง
    3. มือซ้ายจับริมตองด้านข้างขึ้นทั้ง 2 ข้าง
    4. มือขวาจับริมตองขึ้น
    5. มือซ้ายจับริมตองขึ้นโอบหุ้มด้านขวา จับให้ใบตองเป็นทรง
    6. กลัดไม้กลัดตรงยอดแหลม
การห่อทรงสูง       วิธีห่อทรงสูง เป็นการห่อที่ดูสวยงาม รูปลักษณะเพรียวสูง นิยมใช้ห่อขนมใส่ไส้ ขนมกล้วย ขนมตาล   วิธีห่อเหมือนกับทรงเตี้ย ต่างกันตรงตัดใบตองให้มีลักษณะเพรียวแหลมมากกว่าห่อทรงเตี้ย เวลาห่อแล้วมักจะใส่เตี่ยวด้วย เตี่ยวที่ใช้มักจะนิยมใช้ทางมะพร้าว
    1. ตัดใบตองเป็นรูปรี หัวท้ายแหลม ให้เพรียวแหลมกว่าทรงเตี้ย ตัด 2 ชิ้น วางซ้อนกัน ชิ้นนอกใหญ่ ชิ้นเล็กอยู่ด้านบน ประกบด้านนวลเข้าหากัน
    2. วางขนมขนาดตามต้องการลงตรงกึ่งกลางใบตอง
    3. มือซ้ายจับริมตองด้านข้างขึ้นทั้ง 2 ข้าง
    4. มือขวาจับริมตองขึ้น
    5. มือซ้ายจับริมตองขึ้นโอบหุ้มด้านขวา จับให้ใบตองเป็นทรง
    6. เสร็จแล้วใส่เตี่ยว เตี่ยวที่ใช้มักจะนิยมใช้ทางมะพร้าว กลัดไม้กลัดตรงยอดแหลม

การห่อสวม
          วิธีห่อสวม เป็นวิธีห่อแบบง่าย ๆ รวดเร็ว ไม่พิถีพิถัน เช่น การห่อพริกขี้หนู
    1. ตัดใบตองเป็นรูปรี หัวท้ายแหลม 2 ขนาด วางซ้อนกัน ชิ้นนอกใหญ่ ชิ้นเล็กอยู่ด้านบน
    2. จับมุมตองโอบขึ้นมา
    3. ทำเหมือนกันทั้ง 2 ข้าง ให้สวมกัน มุมด้านล่างและมุมที่สวมกัน เป็นมุมแหลม สนิทกัน
    4. ใช้ไม้กลัด กลัดที่ยอดแหลม
วัสดุที่นำมาประกอบ
    1. ไม้กลัด
    2. ตอก
    3. เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยให้งานใบตองสวยงามปราณีต เป็นสิ่งหนึ่งที่นักประดิษฐ์กระทงเอาใจใส่เป็นอันมาก เพราะไม้กลัดที่ดีจะต้องเรียวแหลมเล็ก จะกลัดง่าย เมื่อแทงลงไปในเนื้อใบตองแล้วไม่ทำให้แตกช้ำ และไม้กลัดไม่หักกลาง จึงควรเหลาให้ติดผิวไม้จะทำให้ไม้กลัดแข็ง ตอกที่ใช้ในการมัด เช่นมัดแหนม ข้าวต้มมัด ควรจักให้บางเวลาใช้ต้องนำมาแช่น้ำให้นุ่มจึงจะมัดง่าย ถ้าไม่แช่น้ำตอกจะหักเปราะง่าย
ประวัติ

กะละแม เป็นขนมไทยลักษณะเป็นแป้งเหนียวสีดำ เป็นขนมหนึ่งในสามชนิดที่นิยมทำขึ้นในวันปีใหม่ของคนไทยในสมัยก่อน ซึ่งจะต้องทำให้เสร็จก่อนวันสงกรานต์ คือ ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวแดง และกะละแม  ยังไม่ทราบว่ากะละแมมีที่มาจากขนมหวานของชาติใด บางท่านกล่าวว่ามาจากขนมกาลาเม็กของฝรั่งเศส หรือคาราเมลของอังกฤษ หรือเกละไมของชาวมลายู พุทธทาสภิกขุตั้งข้อเสนอว่าน่าจะมาจากขนมฮูละวะของอินเดียที่มีส่วนผสมเป็นนม แป้ง และน้ำตาล
กะละแมมี 2 ชนิด แบ่งตามวิธีการกวนคือ
  • กะละแมเม็ด (ดั้งเดิม) กะละแมแบบนี้สีเข้ม ขนมอาจจะมีลักษณะเป็นจุดๆแทรกอยู่
  • กะละแมแป้ง แต่ใส่แป้งข้าวเหนียวแทนเม็ดข้าวเหนียว กะละแมที่กวนขายในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นกะละแมแป้งเพราะทำง่ายกว่า

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555





          ขนมกาละแมรามัญ

           ขนมกาละแมรามัญ มีประวัติการทำอันยาวนาน ตั้งแต่ครั้งโบราณกาลสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยครั้งที่มอญยังเป็นเจ้าของแผ่นดินหงสาวดีและสืบทอดเข้ามาในประเทศไทย แต่ไม่ชัดเจนว่ากำเนิดมาตั้งแต่ครั้งใด
           ขนมกาละแมรามัญ เป็นขนมชนิดหนึ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณของชาวบ้านรามัญ ซึ่งมาอาศัยในตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมืองสมุทรสงครามเมื่อถึงประเพณีเทศกาลสงกรานต์ ชาวบ้านจะมีการกวนกาละแมรามัญ ณ บ้านใดบ้านหนึ่ง โดยช่วยกันทำเพื่อนำไปทำบุญหน้าเทศกาลสงกรานต์ และฝากญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่รู้จักคุ้นเคยกัน
           จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2543 พระครูพิพิธพิพัฒนโกศลเจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรม ( องค์ปัจจุบัน )เล็งเห็นว่าการกวนขนมกาละแมรามัญนั้นหายากขึ้นเรื่อง ๆหากไม่มีการอนุรักษ์ขนมชนิดนี้แล้ว สืบทอดต่อไปในภายภาคหน้าคงจะหารับประทานได้ยากหรืออาจสูญหายไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้นจึงได้ชักชวน และรวบรวมคนในชุมชน ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายมอญจัดตั้งกลุ่มแม่บ้านขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “ กลุ่มแม่บ้านกาละแมรามัญพัฒนา ” มีสมาชิกในกาลแรกตั้ง100 คนเศษ




วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กาลาแมโบราณเชียงคำ
กาละแม เรื่องนี้เป็นเรื่องประวัติไปเสียแล้ว แต่ที่แท้แน่นอนคือขนมกาละแมเป็นขนมไทยแท้โบราณที่ใครๆก็ชอบกิน 
พวกเราอยู่ที่เชียงคำและไปเจอบ้านหลังหนึ่งติดป้ายว่ากาละแมโบราณ เลยเข้าไปดูทันที บ้านหลังนี้เป็นกลุ่มแม่บ้านดอนชัย  อ.เชียงคำ จังหวัดพะเยา โดยการสนับสนุนของ อบต.เชียงคำ รวมกลุ่มทำเป็นขนม OTOP ขายเมื่อหลายปีก่อน ปรากฏว่า work ใครๆก็ชอบกิน กินแล้วติดใจ ทำให้ขยายใหญ่ขึ้นเป็นบ้านกาลาแมโบราณอย่างในรูปด้านบนครับ
พวกเราจำได้แม่ผมเคยบอกว่าการทำกาละแมนั้นยาก ต้องเอาข้าวเหนียวไปนึ่งแล้วกวนจนเป็นแป้ง ใส่กะทิลงไป แล้วก็กวน กวน กวน ใช้เวลาประมาณ วันเต็มๆ กว่าจะได้กาละแมออกมาเหนียวได้ที่ แต่สมัยนี้คงมีเครื่องกวนแล้ว อันนี้ไม่แน่ใจนะ ที่บ้านกาละแมโบราณเชียงคำที่เห็นก็กวนกันเสร็จแล้ว นำมาใส่ถาดยังร้อนๆอยู่เลย กลิ่นนี้หอมสุดบรรยาย  

1. ผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 2 ดาว
2. มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.)
3. อย.
4. ฮาลาน

                           

การทำขนมกาละแมในสมัยก่อนกวนกินกันเวลามีเทศกาลทำบุญพิธีต่าง ๆ ในหมู่บ้าน เช่น แต่งงาน บวชนาคทอดกฐินขึ้นบ้านใหม่ ทำกันในหมู่ญาติ ในสมัยd ราว พ.ศ. 2470 – 2480 อนเรียกว่า “ยาหนม หรือ กะยาหนม” โดยใช้น้ำตาลเหลวเรียกว่าน้ำตาลโตนด ใส่กะทิ ใส่แป้ง เมื่อก่อนใช้โม่กับมือที่เรียกว่า “ครกบด” เคี่ยวน้ำตาล ประมาณ2 – 3 ชั่วโมงจนเป็นยวงเหนียวข้นได้ที่
เมื่อก่อนกาละแมจะตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมบรรจุถุงขายต่อมาได้มีการปรับปรุงใช้น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลปี๊บทำเป็นกาละแมสีขาว และเปลี่ยนรูปแบบจากการตัดเป็นชิ้นๆ มาห่อพลาสติกเป็นรูปทรง “พีรามิด” และได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก “ยาหนม” มาเป็น “กาละแม”เพื่อให้ฟังดูไพเราะขึ้น เดิม กาละแมนิยมทำกันอยู่ 3 รส คือรสธรรมดา (รสดั้งเดิม)รสกะทิ และรสใบเตย
ในราวปี พ.ศ. 2510 กาละแม ได้เป็นอาชีพของชาวนางลาดและทำให้ชาวนางลาดมีชีพและรายได้จากการรับจ้างกวนกาละแม และการห่อกาละแมมาจนถึงปัจจุบันบางรายได้เปิดกิจการของตนเองทำให้กาละแมของนางลาดมีผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น
กลเม็ดเคล็ดลับ
กาละแมใช้ได้ทั้งน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลปึก ถ้าใช้น้ำตาล ปึก จะให้กลิ่นหอมกว่า กาละแมเม็ด ใช้ข้าวสารเหนียวกวน แทน แป้ง โดยต้มข้าวเหนียวกับน้ำ 3 ถ้วยจนข้าวเหนียวสุกดีแล้ว จึงใส่ เครื่อง ปรุงอื่นลงไปกวนด้วยจนแห้ง ถ้าจะห่อ ด้วยใบตองรัด ให้เจียนตองรีดแผ่นกว้างประมาณ 4 เซนติเมตร ให้หัวท้ายเรียว ตัดกาละแมเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ สัก 1 คูณ 1 คูณ 1 เซนติเมตร แล้วห่อเป็นคำ ๆ กลัดด้วยไม้กลัดแหลม ตามขนาด กาละแมเนื้อควรเนียนสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม อยู่ตัวเป็นก้อน หรือแท่งตามรอยตัด เนื้อควรนุ่มเหนียวแต่ไม่ควรเหนียวเหนอะ รสหวานมัน หอมกลิ่นน้ำตาลไหม้เล็กน้อย







วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

การทำขนมการะแม


 การทำขนมกาละแม

                                                       
ส่วนผสม
1.แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
2.แป้งถั่วเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
4.หัวกระทิ 1 ¼ ถ้วยตวง
5.กาบมะพร้าวเผา
วิธีทำขนมกาละแม
1. ตำกาบมะพร้าวที่เผาไว้ให้แหลกใส่น้ำลงไป 1 ถ้วยตวงคนให้น้ำสีดำออกแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำสีดำทำจากกาบมะพร้าว
2. ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเขียว เข้าด้วยกันในกระทะทอง ใส่น้ำสีดำ นวดแป้งให้เนียนผสมน้ำตาลทรายหัวกะทิคนให้เข้ากัน
3. ยกส่วนทั้งหมดตั้งไฟอ่อนๆ กวนแป้งให้เหนียวและล่อนออกจากกระทะจึงยกลง
4. เตรียมถาดสำหรับใส่ขนมทาน้ำมันพืชให้ทั่วเทขนมที่กวนไว้ลงในถาดเกลี่ยให้เรียงเสมอกัน แล้วพักไว้ให้เย็นจึงตัดเป็นชั้นสี่เหลี่ยม ตามต้องการ